กล่าววันพระราชทานเพลิงฯ อ.บุญเชียร
ท่านประธานในพิธี ท่านคณาจารย์ ท่านแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน และนักศึกษา-ลูกๆของอาจารย์บุญเชียรทุกคน
กระผมนายชเนษฏ์ ศรีสุโข ตัวแทนนักศึกษาแพทย์
ใคร่ขอกล่าวความในใจที่พวกเรามีต่อคุณแม่บุญเชียร
อาจารย์บุญเชียรครับ ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำทะมึน ละอองน้ำโปรยลงมาจากเบื้องบน…เพราะมัน เป็นหน้าฝนนะครับอาจารย์ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มนี้ไม่ต่างจากหัวใจของพวกเรา-ลูกๆที่อาจารย์รักและเอาใจใส่เปรียบดังลูกในไส้ของท่านอาจารย์
อาจารย์ครับ พวกเราไม่พบอาจารย์มาเป็นสัปดาห์ๆ ไม่ทราบว่าอาจารย์เจ็บป่วยหนักหนาเพียงใด แต่ถ้อยคำที่อาจารย์ส่งมาถึงพวกเรา ยังเป็นห่วงพวกเราหนักหนา บอกให้พวกเราขยันเรียน ตั้งใจ เพื่อการสอบให้ผ่านให้ได้ คำพูดสุดท้ายที่ได้กล่าวกับผม คือ “ไม่ต้องมาเยี่ยมเด็ดขาดนะ”
อาจารย์ครับ นับตั้งแต่วันนี้ไป เวลาเรามีปัญหา เราจะไปเล่าปัญหาให้ใครฟังได้อีก เหมือนที่อาจารย์จะสั่งสอน ให้กำลังใจด้วยเสียงอันดัง แต่เปี่ยมด้วยความเมตตา ช่วยเหลือนักศึกษาทุกคน เป็นทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง อย่างเต็มที่ อย่างสุดความสามารถ
ผมเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ที่ชอบไปหาปรึกษาอาจารย์ครับ อาจารย์ไม่เคยถือยศถาบรรดาศักดิ์ อาจารย์ให้ความใกล้ชิดแก่พวกเราอย่างที่ไม่มีใครให้กับพวกเรา อาจารย์ดีใจทุกครั้งที่นักศึกษาได้เข้าไปพูดคุยกับท่าน
ยิ่งพวกเรารู้จักอาจารย์มากขึ้นเท่าใด พวกเราก็รู้ว่า อาจารย์บุญเชียรไม่เคยแก่เฒ่า ทั้งความคิดและการปฏิบัติ อาจารย์เป็นคุณแม่สาวสวย สิ่งที่อาจารย์ทำนั้น เป็นสิ่งที่สาวสวย ผู้แข็งแกร่งเท่านั้น ที่จะทำได้…
ในต้นปีพุทธศักราช 2550 พวกเรานักศึกษาแพทย์กว่าหลายร้อยชีวิต ไปดักรอพบอาจารย์ เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการตัดเกรด โดยคาดหวังว่าอาจารย์จะเป็นที่พึ่งพิงให้พวกเรา และพวกเราก็คิดไม่ผิด อาจารย์จะคอยต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ความอยุติธรรมต่างๆ เสมอมา
อาจารย์ให้ความรัก ดูแลนักศึกษาทุกคนอย่างทั่วถึง ไม่มีรักใครชอบใครเป็นพิเศษ อาจารย์ดูแลสารทุกข์สุขดิบ ของนักศึกษา อาจารย์มิใช่เป็นเพียงคณบดีของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ อาจารย์ทำทุกอย่าง อาจารย์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นทั้งคนคอยยุติการทะเลาะวิวาทเวลานักศึกษาทะเลาะกัน เป็นทั้งแม่บ้าน รักษาความสะอาด เป็นคนรักษาความปลอดภัย เดินตรวจตราทุกที่ เป็นตำรวจทหารที่คอยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย และปกป้อง ป้องกันอันตรายทุกสิ่งทุกอย่างแก่พวกเรา อาจารย์เป็นแม่พระ สอนสั่งจริยธรรม ศีลธรรมสังคม เป็นแม้กระทั่งนายธนาคาร ที่แอบให้เงินกู้ยืมแก่นักศึกษาหลายคนทุกเดือนๆ อาจารย์บอกพวกเราว่า “เธอจะเป็นผู้ใหญ่ เธอต้องรู้อะไรอีกมาก” อาจารย์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา เป็นดั่งคุณแม่ของทุกคนที่ไม่ว่าพวกเราจะทำตัวเลวร้ายแค่ไหน อาจารย์พร้อมจะให้อภัย และสั่งสอนเสมอ
อาจารย์เป็นนักวางแผน มีโครงการมากมายที่ช่วยเหลือให้นักศึกษากระตือรือร้น ขวนขวายอ่านหนังสือ ตั้งใจศึกษาเพื่อสอบใบประกอบวิชาชีพ อาจารย์จะดีใจทุกครั้งที่นักศึกษาสอบได้คะแนนดี หัวใจของอาจารย์นั้นงดงาม มีแต่ให้ และหาทางออกให้ทุกคนเสมอ
อาจารย์เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ความสวยของอาจารย์เกิดจากการต่อสู้อย่างดุเดือด ต่อสู้ตลอดเวลา เพื่อนักศึกษา ใครก็ตามที่มาทำร้าย มาดูถูก มาต่อว่านักศึกษา มากลั่นแกล้ง เอาประโยชน์จากนักศึกษานั้น ไม่ว่าคนนั้นจะใหญ่โตมาจากไหน อาจารย์ไม่กลัวเจ็บไม่กลัวเดือดร้อน อาจารย์จะเข้าไปต่อสู้ชนิดว่า อยู่ร่วมโลกกันมิได้แล้ว มีคนเล่าให้ผมฟังว่า สมัยก่อน อาจารย์ เคยแม้กระทั่งชกต่อยกับผู้ชาย นี่คือความเป็นนักเลงของอาจารย์ ที่เวลาผ่านไปสามสิบสี่สิบปี เพื่อสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อาจารย์ไม่เคยเปลี่ยนไป ต่อสู้เพื่อพวกเรา…
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวง เป็น ยิ่งกว่าความพึ่งพิง ยิ่งกว่าความเมตตากรุณาหาที่สุดมิได้ ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่สานความสัมพันธ์ ตั้งแต่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ถึง ปี6 อาจารย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของนักศึกษาทั้งมวล โดยที่อาจารย์อาจไม่รู้สึกตัว อาจารย์จำได้ไหมครับ พวกรุ่นน้องแต่งเพลง ร้องเพลงให้อาจารย์ฟัง นักศึกษาเอาของฝากติดไม้ติดมือมาให้กำลังใจอาจารย์ พวกเราประชุมกันสรรหาสารพัดวิธีแสดงความเคารพรักท่านอาจารย์ ตอนแรกพวกเราคิดว่าสิ่งที่เราทำจะทำให้ท่านอาจารย์ดีใจ อาจารย์เฉลยว่า สิ่งที่อาจารย์ต้องการที่สุด ดีใจที่สุด คือให้พวกเราสอบผ่านใบประกอบฯทุกคน เรียนจบไปเป็นแพทย์ที่ดี เพียงแค่นั้นจริงๆ [-]
ย้อนไปปีก่อน หลายคนตกใจครับ เมื่อทราบข่าวว่าอาจารย์เป็นโรคร้าย แพร่ลามไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ผมและเพื่อนไปเยี่ยมอาจารย์ที่ รพ.จุฬาฯ อาจารย์ยังยิ้มบอกพวกผมว่า “ครูไม่เป็นไร นี่ ถ้ายาไม่ตอบสนอง ครูคงตายในเจ็ดวันแล้ว” [-]
อาจารย์ทำเป็นไม่ป่วย ไม่ว่านักศึกษาจะจัดกิจกรรมอะไร จัดงานที่ไหน ออกต่างจังหวัด ไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว อาจารย์จะเดินทางไปให้กำลังใจพวกเราทุกที่ อาจารย์ช่วยหางบมาสนับสนุนนักศึกษาได้เสมอ สนับสนุนการสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ของสังคม แม้แต่รุ่นพี่พวกเราที่จบไปแล้ว อาจารย์ก็ยังยินดีช่วยเหลือ เดินทางไปหาสู่เสมอ หลายคนถามผมว่า ข่าวที่ว่าอาจารย์เป็นโรคร้ายนั้น เป็นข่าวโคมลอยใช่หรือไม่ พวกเราก็หวังว่าจะให้เป็นเช่นนั้น… [-]
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อาจารย์เหน็ดเหนื่อย ร่างกายอาจารย์อ่อนแอลง น้ำหนักลดเป็นสิบกิโล อาจารย์ทำตนว่าแข็งแรง อาจารย์ต้องคอยแอบคนอื่น ไปหลบตามมุมเงียบๆเพียงเพื่อที่จะเหนื่อยหอบ แกล้งทำเป็นแข็งแรงทั้งที่เดินขึ้นบันไดสองสามขั้นยังไม่ไหว [-] ผมเคยสงสัยและถามอาจารย์ว่า ทำไมอาจารย์ถึงยังต้องมาทำงานอยู่อีก ทำงานคณบดีที่เหน็ดเหนื่อย วุ่นวาย ทรมานร่างกายและจิตใจ ทั้งที่อาจารย์มีทุกอย่างพร้อมแล้ว มีครอบครัวที่อบอุ่น มีบริวารผู้คนรู้จักรักใคร่ มีเงินทองทรัพย์สินจนไม่ต้องหาเงินอีก อยู่บ้านไม่สบายกว่าหรือครับอาจารย์ อาจารย์ตอบผมว่า “เมื่อรับตำแหน่งมาแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด” “สิ่งที่ครูทำทุกวันนี้ เพื่ออนาคตอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าของพวกเธอ” “ขนาดลูกครู ครูยังไม่ได้ดูแลขนาดนี้เลย” หลายคนได้สัมผัสและรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
พวกเรารู้สึกว่า สิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตของท่าน คือ นักศึกษา อาจารย์ทำงานหนักจนลืมรับประทานยาให้ตรงเวลา ทานยาไม่ครบ อาจารย์ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมกระเซ้าอาจารย์เสมอว่า เป็นผู้ป่วยที่ไม่ดูแลสุขภาพตนเอง อาจารย์กลับหัวเราะ แม้ตอนหลังอาจารย์รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหลายขนาน ร่างกายทรุดโทรม เป็นไข้บ่อย อาจารย์ก็ยังเดินทางมาคอยดูแลพวกเราตลอดเวลา ยิ้มแย้มหัวเราะ ไม่แสดงออกให้ใครเห็นว่าเจ็บป่วย
ต้นปีที่ผ่านมา อาจารย์บอกว่า “หมอบอกว่าครูจะอยู่ได้แค่หกเดือน ตอนนี้ครูอยู่ได้เจ็ดเดือน นี่คือกำไรชีวิตแล้ว” ทุกคนปรบมือแสดงความดีใจ เหนืออื่นใด คือยินดีที่คนที่พวกเรารัก เทิดทูน คนที่ให้ความอบอุ่น ดูแข็งแรงดี อาจารย์บอกพวกเราว่า การตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่ากลัว
อาจารย์ครับ…พวกเราเรียนรู้หลายสิ่งจากอาจารย์ คุณธรรม จริยธรรม แห่งวิชาชีพ อาจารย์สอนให้พวกเรารู้ว่า “การให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” นั้นเป็นเช่นไร อาจารย์เป็นตัวอย่างของแพทย์ ที่เป็นคนดีของสังคม
พระคุณของอาจารย์นั้น ไม่ว่าชาติไหนก็คงตอบแทนไม่หมด น้ำใจที่กว้างใหญ่ อาจารย์ได้หล่อหลอมพวกเราขึ้นมา จากเด็กไม่รู้จักคิด ให้กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดมากขึ้น พร้อมที่จะเป็นแพทย์ในอนาคต
ผมในฐานะตัวแทนของนักศึกษาขอกราบขอขมาทุกสิ่งที่เคยรบกวนอาจารย์ ทำให้อาจารย์เหน็ดเหนื่อย ลำบาก คอยต่อสู้เพื่อพวกเราตลอดมา และต่อจากนี้ พวกเรา ลูกศิษย์ทุกคนจะตั้งใจฝ่าฟันอุปสรรค และจบไปเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมครับ ให้สมดังสิ่งที่อาจารย์คาดหวัง ยืนหยัดต่อไปได้ด้วยตนเอง สืบสานเจตนารมณ์อาจารย์… “ความแข็งแกร่ง”ของอาจารย์
อาจารย์เชื่อเรื่องความดีงาม อาจารย์บอกพวกเราเสมอว่า คนเราถ้าทำดีแล้ว อยู่ที่ไหนก็ดี ความดีย่อมคุ้มภัย พวกเราเรียนรู้ด้วยว่าทำดีแล้ว แม้ตายก็มิอาจพรากความดีที่ทำไว้ได้เลย
ความดีของอาจารย์จะประทับอยู่ในจิตใจของพวกเราทุกคนตลอดไป…
“กราบแทบเท้าครั้งสุดท้าย ท่านอาจารย์บุญเชียร ปานเสถียรกุล – มารดาของแพทย์รังสิต”