หมอณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ผู้พ่ายแพ้ เมื่อต้นปี ถูกเกมการเมืองย้ายไปนั่งตำแหน่งที่ไม่ได้ทำงาน ณ สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมถูกกระแสสังคมถล่มจนนกหวีดทองคำหัก ข้อหามีปัญหาในการทำงานกับรัฐมนตรี ! …จนท่านต้องประกาศชัดว่า ไม่กลับ กระทรวงสาธารณสุขแล้ว จะอยู่เกษียณที่สำนักนายก
มีข่าวแว่วมาว่า เบื้องหลัง ทหารบอกท่านว่า ให้ไปคุยกับรัฐมนตรีให้รู้เรื่องแล้วจะย้ายกลับ ท่านตอบอย่างนักเลงว่า … ไม่คุย (ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่อย่างไร?) หากเป็นเรื่องจริง คนคนนี้ไม่ห่วงตำแหน่ง และไม่รับใช้อำนาจการเมืองที่ขัดกับอุดมการณ์ของตนและคนทำงานทั้งหมดในนามประชาคมสาธารณสุข
ต่อมาตอนนี้ หลังจาก นายกรัฐมนตรี เซ็นต์ ย้ายเลขาธิการ สปสช. องค์กรที่มีปัญหากับฝั่ง ประชาคมสาธารณสุข มานมนาน องค์กรที่ถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน และใช้เงินงบประมาณไม่โปร่งใส
ทำให้เกิดเสียงร้องเรียกในหมู่คนทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ให้รัฐบาลทหาร แต่งตั้ง ท่านณรงค์ กลับมาเป็นรัฐมนตรี มีกลุ่มส่งเสียงผลักดันให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูป สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยการล้างบางบอร์ด สปสช.ใหม่ อีกด้วย
กระนั้น ฝั่ง สปสช. นำโดยตั้งแต่ บรมครู อาจารย์มงคล ณ สงขลา, อาจารย์วิชัย โชควิวัฒน์ ไปจนถึง ชมรมแพทย์ชนบท และแนวร่วมเครือข่ายประชาชน ก็ออกมาส่งเสียงดังชัดเจน วิพากษ์วิจารณ์ท่านนายก ให้เข้าใจข้อเท็จจริงฝั่ง สปสช. บ้าง พร้อมขุดคุ้ยเรื่องการใช้รถของ ปลัดณรงค์ มาวิจารณ์ว่าผิดกฎระเบียบ
ตอนนี้คนที่ น่าเห็นใจ มากที่สุด คือ ท่านนายกรัฐมนตรี เพราะต้องเลือกข้างความถูกต้อง… แต่ต้องไม่ทำให้คนเห็นว่าโอนเอียงไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ก็มีคนวิเคราะห์ว่า ระหว่างที่สองขั้วทะเลาะกัน เป็นไปได้ไหมว่า จะถูกสลายอำนาจทั้งสองขั้ว และจะมีขั้วที่สามในวงการสาธารณสุข มาชุบมือเปิบ จัดตั้งขั้วอำนาจใหม่ขึ้นมา … น่าจับตามอง (คนวิเคราะห์นี่ มโน สูงจัง) หรือ ทหารจะประวิงเวลาต่อไป เพื่อรอให้มีการสอบสวนจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ ชัดเจนยิ่งขึ้น (ปปท. คตร. ฯลฯ)
สิ่งหนึ่งที่ต้องย้อนไปมอง และคิดว่า ทหารจะรับรู้ได้ชัด คือ สิ่งที่แสดงถึงความเป็นลูกผู้ชาย ของหมอณรงค์…
ตอนที่ทหารโยกย้ายท่าน บุคลากรสาธารณสุขจำนวนมากในประเทศ นำโดยประชาคมสาธารณสุข ออกมาแสดงท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา และพร้อมจะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารอย่างรุนแรง มีการเปรียบเทียบว่า ทหารเอาท็อปบู้ทเหยียบเข้าไปยังใจกลางคนทำงานสาธารณสุข ทั่วประเทศ ออกสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ค และสื่อสารมวลชนต่างๆไปทั่วประเทศ ถ้าหมอณรงค์พูดคำเดียว บุคลากรทางการแพทย์ในตอนนั้นออกเดินขบวนประท้วงแน่นอน
ตอนนั้น หมอณรงค์ แม้จะถูกเด้ง เปรียบเสมือนนักมวยที่ถูกซัดทั้งจากคู่ชก กระเด็นไปข้างเวที ก็ถูกหมัดของประชาชนข้างเวที พร้อมเจอกรรมการ(คนกลางที่ไม่เป็นกลาง) ใช้ปลายเท้าก็กระทืบซ้ำ หน้าตาน่วม พูดแทบไม่ออก ฟันหัก เลือดกลบปาก แต่ ท่านกลับกลืนเลือด อึกแล้วอึกเล่า เพื่อที่จะพูดคำสั่งเสียไปยังกองเชียร์ทุกคนว่า ให้หยุด… หยุดด่าทหาร ห้ามว่าทหารอย่างเด็ดขาด
…พลเอกประยุทธ์คือผู้เสียสละเข้ามากอบกู้ประเทศชาติ และห้ามใครว่าพลเอกประยุทธ์!!!
เรื่องนี้ ประชาคมสาธารณสุข บรรดาหมอๆ พยาบาล เจ้าหน้าที่ที่สนับสนุน ตอนนั้น ต่างถึงกับงง! ไปไม่เป็น เลยได้แต่แต่งดำ หรือบ่นกันหงุบหงิบ พอหอมปากหอมคอ
ต่อมา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดต่างๆถูกย้ายล้างบาง บางคนอายุราชการอีกห้าเดือนเกษียณก็ถูกเด้งไปอยู่พื้นที่ไกลๆ หลายคนต้องเงียบเพราะถูกอำนาจจากกระทรวงกดดัน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเหมือนอยู่ในห้องมืดที่ไม่เห็นแสงสว่างใดใด
พอได้เห็นแนวโน้มท่าทีที่จะปฏิรูป สปสช. ได้ ก็คงทำให้หลายคนเห็นแสงแว๊บๆ เข้ามาให้ห้องมืดบ้าง ได้ยิ้ม ว่า สักวันก็คงจะมีอะไรดีขึ้นบ้างล่ะวะ
แสงที่หลายคนเห็น จะเป็นแสงแว็บๆ แล้วดับไป แสงจากสิ่งเร้นลับ หรือจะเป็น แสงอรุณของยุคทองแห่งการปฏิรูปกระทรวงสาธารณสุข เดี๋ยวได้เห็นกัน เร็วๆนี้ครับ
…เขียนโดย กองเชียร์ ประยุทธ์ เพื่อการปฎิรูปวงการสาธารณสุข