• About (Eng)
  • Introduction to Bloggla.com
  • Multimedia
  • ชเนษฎ์ ศรีสุโข เว็บไซต์ส่วนตัว หมอ ต้นกล้า Chanesd Srisukho
  • รู้จักคุณหมอชเนษฎ์
    • Education & Work
    • การศึกษาและงาน
    • เกียรติประวัติและกิจกรรม

MD. Dr. Chanesd Srisukho นายแพทย์ ชเนษฎ์ ศรีสุโข หมอกล้า Dermatology

ประวัติ นายแพทย์ ชเนษฎ์ ศรีสุโข

อาทิตย์

การชุมนุมนักศึกษาแพทย์! (อีกแล้ว)

August 22, 2009 by Gla 5 Comments

การชุมนุมนักศึกษาแพทย์! (อีกแล้ว)

ไม่น่าเชื่อว่า ภายในเวลาประมาณ 2 ปี เกิดการชุมนุมใหญ่ของนักศึกษาแพทย์ถึง สองครั้ง สองครา

นักศึกษาแพทย์ที่ชาวบ้านชาวเมืองคิดว่าต้องเป็นผู้คงแก่เรียนใส่แว่นตาหนาเตอะ หมกมุ่นกับกองหนังสือ กลับมาเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง เดินหน้าพร้อมใจชุมนุม ต่อต้านความอยุติธรรม และความเลวร้ายที่เกิดขึ้น!

นักศึกษาแพทย์ชุมนุมครั้งนี้เพราะอะไร มาติดตามกัน

นักศึกษาแพทย์รังสิต มาเรียนม.รังสิต ต่างภาคภูมิใจในคณะ และมหาวิทยาลัย ทุกคนรักท่านอธิการบดี อาทิตย์ อุไรรัตน์ และเชื่อมั่นในตัวผู้ใหญ่ใจดี อดีตนักการเมืองและวีรบุรุษผู้สร้างประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง นักประชาธิปไตย ผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองขนาดใหญ่ เพื่อความถูกต้องอยู่เสมอ รักษาธรรมาธิปไตยให้ดำรงไว้ในแผ่นดิน เรา

นักศึกษาแพทย์ต่างสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัย ทำกิจกรรมระดับชาติ และองค์กรระดับชาติมามาก โดยไม่คิดสิ่งตอบแทน ผลการสอบใบประกอบโรคศิลป์ และด้านวิชาการก็พัฒนาขึ้นมาก ภายใต้การสนับสนุนของอดีตคณบดีผู้ล่วงลับในสมัยก่อน คือ ศ.(คลินิก)พญ.บุญเชียร ปานเสถียรกุล ผู้แสดงธรรมให้ประจักษ์ สั่งสอนคุณธรรมจริยธรรม ให้นักศึกษาแพทย์ยึดมั่นในการเป็นแพทย์ที่ดี และเป็นคนที่ดี เสียสละเพื่อส่วนรวม

เล่าความถึงเมื่อสามสี่ปีก่อน ปัญหาที่ผ่านมา ขาดแคลนทรัพยากร ขาดแคลนหลักสูตรการศึกษาที่ดี ขาดแคลนสถานที่ อาคาร อุปกรณ์การศึกษา และที่สำคัญกว่าสิ่งใด ขาดความรัก ความอบอุ่น ขาดการดูแลเอาใจใส่จากผู้บริหาร เรียนด้วยตนเอง จบด้วยตนเอง เป็นศิษย์เก่าคิดอยากกลับมาช่วย ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ ศิษย์เก่าจึง เสียใจ หนีหายกันไปมากนักศึกษาแพทย์สมัยนั้นนั่งคิดว่าจะทำอย่างไรกันดี เพื่อยกระดับคณะให้ดีขึ้น

ครั้งก่อนนั้น นักศึกษาแพทย์จึงร้องเรียนกันเป็นเวลายาวนาน ขอร้องให้มหาวิทยาลัยพัฒนาวิทยาลัยแพทย์ให้เจริญยิ่งใหญ่ขึ้น ร้องเรียน ชุมนุม เจรจากันหลายครั้ง เข้าพบผู้บริหารมหาวิทยาลัยอยู่หลายหน แต่ทุกคำสัญญา ทุกท่าทีกลับเป็นการปฏิเสธนักศึกษา เหตุการณ์จึงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดชุมนุมใหญ่นักศึกษามากกว่าสามร้อยชีวิต ในวันที่ 3 สิงหาคม 2550 ออกข่าวสารลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และเว็บไซต์ข่าวชั้นนำจำนวนมาก (ไม่นับเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่ล่มมาโดยตลอดจากการถูกนักศึกษาโจมตีประเด็นต่างๆ) ต่อมาเรื่องจึงเดินทางไปถึงยังแพทยสภา และสำนักงานการอุดมศึกษาฯ ช่วยกดดันผู้บริหารมหาวิทยาลัยส่วนหนึ่งที่คอยถ่วงความเจริญของคณะแพทย์

การเจรจาตกลงกับผู้ใหญ่ใจดีจึงเกิดขึ้น ท่าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ผู้มีบารมีและอำนาจสูงสุดในฐานะท่านอธิการบดี ได้มีเมตตา เรียกแกนนำนักศึกษาเข้าประชุมโต๊ะกลมโดยทันที! และแสดงความจริงใจในการสัญญาตอบสนองความต้องการของนักศึกษาทุกประการ

ท่านคณบดีบุญเชียร ผู้ต่อสู้ให้นักศึกษาแพทย์เช่นกัน ตอนหลังป่วยเป็นมะเร็งปอด ลามไปตับและอวัยวะภายใน ท่านยังสู้เพื่อนักศึกษาจนหยดสุดท้าย เดินหอบมาทำงานทุกวัน ป่วยให้เคโมจนเป็นไข้ก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แม้สามีและลูกห้าม ก็ดึงดัน รั้นที่จะร่วมสู้เพื่อนักศึกษาแพทย์ด้วยโดยไม่กลัวอำนาจ อิทธิพลใดใดของผู้ที่จะคอยกลั่นแกล้ง และเสียประโยชน์ จากการที่อธิการบดีตกลงสนับสนุนนักศึกษาแพทย์เต็มที่ในครั้งนั้น

สัญญาต่างๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย มีการเซ็นสัญญา และการให้วาจาสัตย์กับนักศึกษาแพทย์ ในการสร้างอาคารเพิ่มขึ้น พื้นที่หลายไร่ การให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆเพิ่มขึ้น และมุ่งตั้งหลักสูตรแพทยศาสตรศึกษาใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ของท่านอธิการบดี ที่ตรงกับนักศึกษาแพทย์ทุกคนว่า เราจะพัฒนาคณะนี้ ให้เจริญเทียบเทียมคณะแพทย์ชั้นนำอื่น สนับสนุนอย่างเต็มที่โดยไม่คิดเพียงกำไร เพราะ ม.รังสิต “สร้างบัณฑิตรู้ลึก สร้างสำนึกเพื่อสังคม” เรื่องนี้มหาวิทยาลัยได้ลงหนังสือพิมพ์หลายฉบับเช่นกัน เพื่อแก้ไขกรณีการร้องเรียนแพทยสภาของนักศึกษาแพทย์

นักศึกษาแพทย์ยินดีมาก ในครั้งนั้น และสรรเสริญท่านอธิการบดีและคณบดีบุญเชียร ประหนึ่งบิดาและมารดาของแพทย์รังสิตพลางคิดว่าเราจะเจริญได้แล้ว นักศึกษายิ่งมุ่งพัฒนาสร้างชื่อเสียงให้มหาวิทยาลัยมากขึ้นด้วยความรักในสถาบัน และการสนับสนุนของท่านอธิการบดี

แต่กาลกับตาลปัตร สัญญาที่ให้ไว้กลับมีปัญหามาโดยตลอด ทั้งการบิดพลิ้วของผู้บริหารท่านอื่นหลายท่าน อาคารที่สัญญาไว้ ถูกยึดคืนกลับไปหมดสิ้น หลักสูตรล่าช้า อุปกรณ์ ทรัพยากรต่างๆ ติดปัญหา ผู้บริหารไม่สนับสนุน ไม่อนุมัติ

หลัง คณบดีบุญเชียรเสียชีวิต ผู้บริหารบางท่านบอกกับนักศึกษาแพทย์ทำนองว่า “คนตายแล้ว ไม่มีใครสานต่อ ต้องล้มเลิกโครงการทั้งหมด”ชั้นอาคารของคณะแพทย์ เนื้อที่กว่า 3000 ตารางเมตร ที่ตกลงไว้ ทำสัญญาไว้ คณะแพทย์ปรับปรุงการก่อสร้างมาหลายครั้ง เพิ่งสร้างเสร็จ นักศึกษาแพทย์กำลังจะเข้าใช้ด้วยความยินดี กลับถูกยึด โดยอ้างเหตุผลเชิงธุรกิจไปเสียสิ้น!

จึงเกิดการลุกฮือของนักศึกษาแพทย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรอบสองปี ดังกล่าวแต่ต้น เกิดการเดินสาย เดินขบวน จนพัฒนาต่อเนื่องมายังเหตุการณ์ที่จะเป็นครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การพัฒนาแพทย์รังสิต 20 สิงหาคม 2552 (ต่อไปน่าจะเรียกว่า “สิงหาได้ชัย” เพราะชุมนุมใหญ่เดือนสิงหาคมตลอด)

การชุมนุมครั้งใหญ่ ครั้งนี้ ปิดล้อมใต้อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ ต่างจากครั้งที่แล้ว ที่เจรจากับอย่างสงบ สันติกับผู้บริหารหลายท่าน ที่พิสูจน์ให้นักศึกษาแพทย์รับทราบชัดในวันนี้ว่า เชื่อถือไม่ได้ ครั้งนี้เราไม่ได้แจ้งสื่อสารมวลชนใดใดเพราะเรารักในมหาวิทยาลัยและท่านอธิการบดี และไม่อยากให้กลายเป็นเรื่องเสื่อมเสียแก่มหาวิทยาลัย

การปิดล้อมเป็นเวลายาวนานกว่าห้าชั่วโมง หลังการเจรจาระหว่างนักศึกษาแพทย์กับผู้บริหารมหาวิทยาลัยโดยตลอดนั้น จึงเริ่มได้ข้อสรุป นั่นคือ นักศึกษาแพทย์ จะได้รับการพัฒนา และอาคารของแพทย์ที่สร้างเสร็จ จะได้รับไปใช้เหมือนเดิมท่านอธิการบดีผู้เมตตา ได้ตกลงช่วยเหลือเรา ร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย ที่ให้เกียรติยืนเรียงแถวต่อหน้านักศึกษาแพทย์ ชี้แจงข้อมูลและให้สัญญาด้วยวาจาสัตย์ยิ่งกว่าครั้งก่อน ด้วยเกียรติภูมิของผู้ใหญ่ที่ทำงานให้สังคม เป็นพันธะทางใจระหว่างนักศึกษาแพทย์กับผู้บริหารอีกครั้งหนึ่ง

คณบดี ศ.(คลินิก) นพ.สุรวิทย์ เตชธุวานันท์ คนปัจจุบัน แม้เป็นคณบดีท่านใหม่ แต่มากด้วยประสบการณ์ทำงานในอดีต เปี่ยมคุณธรรม จริยธรรม ตั้งแต่สมัยท่านเป็นรองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้แสดงถึงความจริงใจ และกำลังเป็นที่รักของนักศึกษาแพทย์รังสิต คนต่อไป ทั้งในฐานะแพทย์ตัวอย่างผู้ทรงคุณงามความดีแก่สังคม และการเป็นอาจารย์ที่เมตตาช่วยเหลือลูกศิษย์ สนับสนุนลูกศิษย์ในการตั้งใจเรียน สร้างผลงานทางวิชาการ และกิจกรรมเพื่อสังคมสืบไป

นี่คือ ธรรมาธิปไตย สังคมที่กำลังจะเป็นธรรมอีกครั้ง หลังประชาธิปไตยของนักศึกษา การเมืองภาคประชาชนของนักศึกษา ที่อุดหนุน ค้ำยัน สร้าง “สังคมธรรมาธิปไตย” ให้แก่ มหาวิทยาลัยรังสิต

นี่คือ ธรรมาธิปไตย ของท่านอธิการบดี และสัญญาทางใจระหว่างผู้บริหารทุกท่าน กับนักศึกษาแพทย์ จึงเป็นจุดจบของการชุมนุมในครั้งนี้ เราคงต้องรอเฝ้าดูกันว่า ภายในอีกสิบปี ยี่สิบปี แพทย์รังสิตจะพัฒนาไปในทิศทางใด ลบคำครหาต่อว่าในอดีต มุ่งสู่การสร้างสรรค์สังคมด้วยการเป็นแพทย์เก่ง ดี มีคุณธรรม คอยช่วยค้ำจุนสังคมสืบไป

ท่านอธิการบดี ฝันเห็น แพทย์รังสิต เป็นดั่งแพทย์ฮาร์วาร์ดของอเมริกา เราเชื่อเช่นนั้น และทุ่มเต็มที่มุ่งไปสู่การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง

ด้วยการเดินหน้าสนับสนุนอย่างเต็มที่ของท่านอธิการบดี และผู้บริหารทุกคน นักศึกษาใคร่ขอกราบขอบคุณและสรรเสริญท่านในฐานะวีรบุรุษประชาธิปไตย ผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และดำรงตนประหนึ่งผู้บริหารอันทรงธรรมที่สุดแห่งยุคสมัย ชื่อของท่านและม.รังสิต จะถูกจดจำไปนาน บันทึกในแผ่นดินตราบชั่วนิรันดร์ ถึงการเป็นผู้สมบูรณ์ประเสริฐพร้อมด้วยกุศลจิต ผู้มิเคยได้เห็นผลประโยชน์อื่นใดนอกเหนือจาก “ประโยชน์ของประชาชน”

อ่านภาคหนึ่ง โรงเรียนแพทย์เอกชนได้ ที่นี่ http://www.bloggla.com/?p=84

Posted in: ข่าว, ยอดนิยม, รังสิต, วงการแพทย์ Tagged: การชุมนุม, ข่าวดัง, นักศึกษาแพทย์, ประท้วง, ประวัติ, ประวัติศาสตร์, ปัญหาคุณภาพ, มหาวิทยาลัยรังสิต, ร้องเรียน, รังสิต, วิทยาลัยแพทยศาสตร์, อาทิตย์, แพทย์, แพทย์รังสิต

กล่าววันพระราชทานเพลิงฯ อ.บุญเชียร

September 21, 2008 by Gla 6 Comments

ท่านประธานในพิธี ท่านคณาจารย์ ท่านแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน และนักศึกษา-ลูกๆของอาจารย์บุญเชียรทุกคน

กระผมนายชเนษฏ์ ศรีสุโข ตัวแทนนักศึกษาแพทย์

ใคร่ขอกล่าวความในใจที่พวกเรามีต่อคุณแม่บุญเชียร

SL707551

อาจารย์บุญเชียรครับ ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำทะมึน ละอองน้ำโปรยลงมาจากเบื้องบน…เพราะมัน เป็นหน้าฝนนะครับอาจารย์ ท้องฟ้าที่มืดครึ้มนี้ไม่ต่างจากหัวใจของพวกเรา-ลูกๆที่อาจารย์รักและเอาใจใส่เปรียบดังลูกในไส้ของท่านอาจารย์

อาจารย์ครับ พวกเราไม่พบอาจารย์มาเป็นสัปดาห์ๆ ไม่ทราบว่าอาจารย์เจ็บป่วยหนักหนาเพียงใด แต่ถ้อยคำที่อาจารย์ส่งมาถึงพวกเรา ยังเป็นห่วงพวกเราหนักหนา บอกให้พวกเราขยันเรียน ตั้งใจ เพื่อการสอบให้ผ่านให้ได้ คำพูดสุดท้ายที่ได้กล่าวกับผม คือ “ไม่ต้องมาเยี่ยมเด็ดขาดนะ”

อาจารย์ครับ นับตั้งแต่วันนี้ไป เวลาเรามีปัญหา เราจะไปเล่าปัญหาให้ใครฟังได้อีก เหมือนที่อาจารย์จะสั่งสอน ให้กำลังใจด้วยเสียงอันดัง แต่เปี่ยมด้วยความเมตตา ช่วยเหลือนักศึกษาทุกคน เป็นทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง อย่างเต็มที่ อย่างสุดความสามารถ

ผมเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ที่ชอบไปหาปรึกษาอาจารย์ครับ อาจารย์ไม่เคยถือยศถาบรรดาศักดิ์ อาจารย์ให้ความใกล้ชิดแก่พวกเราอย่างที่ไม่มีใครให้กับพวกเรา อาจารย์ดีใจทุกครั้งที่นักศึกษาได้เข้าไปพูดคุยกับท่าน

ยิ่งพวกเรารู้จักอาจารย์มากขึ้นเท่าใด พวกเราก็รู้ว่า อาจารย์บุญเชียรไม่เคยแก่เฒ่า ทั้งความคิดและการปฏิบัติ อาจารย์เป็นคุณแม่สาวสวย สิ่งที่อาจารย์ทำนั้น เป็นสิ่งที่สาวสวย ผู้แข็งแกร่งเท่านั้น ที่จะทำได้…

ในต้นปีพุทธศักราช 2550 พวกเรานักศึกษาแพทย์กว่าหลายร้อยชีวิต ไปดักรอพบอาจารย์ เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการตัดเกรด โดยคาดหวังว่าอาจารย์จะเป็นที่พึ่งพิงให้พวกเรา และพวกเราก็คิดไม่ผิด อาจารย์จะคอยต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ความอยุติธรรมต่างๆ เสมอมา

อาจารย์ให้ความรัก ดูแลนักศึกษาทุกคนอย่างทั่วถึง ไม่มีรักใครชอบใครเป็นพิเศษ อาจารย์ดูแลสารทุกข์สุขดิบ ของนักศึกษา อาจารย์มิใช่เป็นเพียงคณบดีของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ อาจารย์ทำทุกอย่าง อาจารย์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นทั้งคนคอยยุติการทะเลาะวิวาทเวลานักศึกษาทะเลาะกัน เป็นทั้งแม่บ้าน รักษาความสะอาด เป็นคนรักษาความปลอดภัย เดินตรวจตราทุกที่ เป็นตำรวจทหารที่คอยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย และปกป้อง ป้องกันอันตรายทุกสิ่งทุกอย่างแก่พวกเรา อาจารย์เป็นแม่พระ สอนสั่งจริยธรรม ศีลธรรมสังคม เป็นแม้กระทั่งนายธนาคาร ที่แอบให้เงินกู้ยืมแก่นักศึกษาหลายคนทุกเดือนๆ อาจารย์บอกพวกเราว่า “เธอจะเป็นผู้ใหญ่ เธอต้องรู้อะไรอีกมาก” อาจารย์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา เป็นดั่งคุณแม่ของทุกคนที่ไม่ว่าพวกเราจะทำตัวเลวร้ายแค่ไหน อาจารย์พร้อมจะให้อภัย และสั่งสอนเสมอ

อาจารย์เป็นนักวางแผน มีโครงการมากมายที่ช่วยเหลือให้นักศึกษากระตือรือร้น ขวนขวายอ่านหนังสือ ตั้งใจศึกษาเพื่อสอบใบประกอบวิชาชีพ อาจารย์จะดีใจทุกครั้งที่นักศึกษาสอบได้คะแนนดี หัวใจของอาจารย์นั้นงดงาม มีแต่ให้ และหาทางออกให้ทุกคนเสมอ

อาจารย์เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ความสวยของอาจารย์เกิดจากการต่อสู้อย่างดุเดือด ต่อสู้ตลอดเวลา เพื่อนักศึกษา ใครก็ตามที่มาทำร้าย มาดูถูก มาต่อว่านักศึกษา มากลั่นแกล้ง เอาประโยชน์จากนักศึกษานั้น ไม่ว่าคนนั้นจะใหญ่โตมาจากไหน อาจารย์ไม่กลัวเจ็บไม่กลัวเดือดร้อน อาจารย์จะเข้าไปต่อสู้ชนิดว่า อยู่ร่วมโลกกันมิได้แล้ว มีคนเล่าให้ผมฟังว่า สมัยก่อน อาจารย์ เคยแม้กระทั่งชกต่อยกับผู้ชาย นี่คือความเป็นนักเลงของอาจารย์ ที่เวลาผ่านไปสามสิบสี่สิบปี เพื่อสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อาจารย์ไม่เคยเปลี่ยนไป ต่อสู้เพื่อพวกเรา…

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวง เป็น ยิ่งกว่าความพึ่งพิง ยิ่งกว่าความเมตตากรุณาหาที่สุดมิได้ ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่สานความสัมพันธ์ ตั้งแต่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ถึง ปี6 อาจารย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของนักศึกษาทั้งมวล โดยที่อาจารย์อาจไม่รู้สึกตัว อาจารย์จำได้ไหมครับ พวกรุ่นน้องแต่งเพลง ร้องเพลงให้อาจารย์ฟัง นักศึกษาเอาของฝากติดไม้ติดมือมาให้กำลังใจอาจารย์ พวกเราประชุมกันสรรหาสารพัดวิธีแสดงความเคารพรักท่านอาจารย์ ตอนแรกพวกเราคิดว่าสิ่งที่เราทำจะทำให้ท่านอาจารย์ดีใจ อาจารย์เฉลยว่า สิ่งที่อาจารย์ต้องการที่สุด ดีใจที่สุด คือให้พวกเราสอบผ่านใบประกอบฯทุกคน เรียนจบไปเป็นแพทย์ที่ดี เพียงแค่นั้นจริงๆ [-]

ย้อนไปปีก่อน หลายคนตกใจครับ เมื่อทราบข่าวว่าอาจารย์เป็นโรคร้าย แพร่ลามไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ผมและเพื่อนไปเยี่ยมอาจารย์ที่ รพ.จุฬาฯ อาจารย์ยังยิ้มบอกพวกผมว่า “ครูไม่เป็นไร นี่ ถ้ายาไม่ตอบสนอง ครูคงตายในเจ็ดวันแล้ว” [-]

อาจารย์ทำเป็นไม่ป่วย ไม่ว่านักศึกษาจะจัดกิจกรรมอะไร จัดงานที่ไหน ออกต่างจังหวัด ไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว อาจารย์จะเดินทางไปให้กำลังใจพวกเราทุกที่ อาจารย์ช่วยหางบมาสนับสนุนนักศึกษาได้เสมอ สนับสนุนการสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ของสังคม แม้แต่รุ่นพี่พวกเราที่จบไปแล้ว อาจารย์ก็ยังยินดีช่วยเหลือ เดินทางไปหาสู่เสมอ หลายคนถามผมว่า ข่าวที่ว่าอาจารย์เป็นโรคร้ายนั้น เป็นข่าวโคมลอยใช่หรือไม่ พวกเราก็หวังว่าจะให้เป็นเช่นนั้น… [-]

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อาจารย์เหน็ดเหนื่อย ร่างกายอาจารย์อ่อนแอลง น้ำหนักลดเป็นสิบกิโล อาจารย์ทำตนว่าแข็งแรง อาจารย์ต้องคอยแอบคนอื่น ไปหลบตามมุมเงียบๆเพียงเพื่อที่จะเหนื่อยหอบ แกล้งทำเป็นแข็งแรงทั้งที่เดินขึ้นบันไดสองสามขั้นยังไม่ไหว [-] ผมเคยสงสัยและถามอาจารย์ว่า ทำไมอาจารย์ถึงยังต้องมาทำงานอยู่อีก ทำงานคณบดีที่เหน็ดเหนื่อย วุ่นวาย ทรมานร่างกายและจิตใจ ทั้งที่อาจารย์มีทุกอย่างพร้อมแล้ว มีครอบครัวที่อบอุ่น มีบริวารผู้คนรู้จักรักใคร่ มีเงินทองทรัพย์สินจนไม่ต้องหาเงินอีก อยู่บ้านไม่สบายกว่าหรือครับอาจารย์ อาจารย์ตอบผมว่า “เมื่อรับตำแหน่งมาแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด” “สิ่งที่ครูทำทุกวันนี้ เพื่ออนาคตอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าของพวกเธอ” “ขนาดลูกครู ครูยังไม่ได้ดูแลขนาดนี้เลย” หลายคนได้สัมผัสและรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ

พวกเรารู้สึกว่า สิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตของท่าน คือ นักศึกษา อาจารย์ทำงานหนักจนลืมรับประทานยาให้ตรงเวลา ทานยาไม่ครบ อาจารย์ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมกระเซ้าอาจารย์เสมอว่า เป็นผู้ป่วยที่ไม่ดูแลสุขภาพตนเอง อาจารย์กลับหัวเราะ แม้ตอนหลังอาจารย์รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหลายขนาน ร่างกายทรุดโทรม เป็นไข้บ่อย อาจารย์ก็ยังเดินทางมาคอยดูแลพวกเราตลอดเวลา ยิ้มแย้มหัวเราะ ไม่แสดงออกให้ใครเห็นว่าเจ็บป่วย

ต้นปีที่ผ่านมา อาจารย์บอกว่า “หมอบอกว่าครูจะอยู่ได้แค่หกเดือน ตอนนี้ครูอยู่ได้เจ็ดเดือน นี่คือกำไรชีวิตแล้ว” ทุกคนปรบมือแสดงความดีใจ เหนืออื่นใด คือยินดีที่คนที่พวกเรารัก เทิดทูน คนที่ให้ความอบอุ่น ดูแข็งแรงดี อาจารย์บอกพวกเราว่า การตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่ากลัว

อาจารย์ครับ…พวกเราเรียนรู้หลายสิ่งจากอาจารย์ คุณธรรม จริยธรรม แห่งวิชาชีพ อาจารย์สอนให้พวกเรารู้ว่า “การให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” นั้นเป็นเช่นไร อาจารย์เป็นตัวอย่างของแพทย์ ที่เป็นคนดีของสังคม

พระคุณของอาจารย์นั้น ไม่ว่าชาติไหนก็คงตอบแทนไม่หมด น้ำใจที่กว้างใหญ่ อาจารย์ได้หล่อหลอมพวกเราขึ้นมา จากเด็กไม่รู้จักคิด ให้กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดมากขึ้น พร้อมที่จะเป็นแพทย์ในอนาคต

ผมในฐานะตัวแทนของนักศึกษาขอกราบขอขมาทุกสิ่งที่เคยรบกวนอาจารย์ ทำให้อาจารย์เหน็ดเหนื่อย ลำบาก คอยต่อสู้เพื่อพวกเราตลอดมา และต่อจากนี้ พวกเรา ลูกศิษย์ทุกคนจะตั้งใจฝ่าฟันอุปสรรค และจบไปเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมครับ ให้สมดังสิ่งที่อาจารย์คาดหวัง ยืนหยัดต่อไปได้ด้วยตนเอง สืบสานเจตนารมณ์อาจารย์… “ความแข็งแกร่ง”ของอาจารย์

อาจารย์เชื่อเรื่องความดีงาม อาจารย์บอกพวกเราเสมอว่า คนเราถ้าทำดีแล้ว อยู่ที่ไหนก็ดี ความดีย่อมคุ้มภัย พวกเราเรียนรู้ด้วยว่าทำดีแล้ว แม้ตายก็มิอาจพรากความดีที่ทำไว้ได้เลย

ความดีของอาจารย์จะประทับอยู่ในจิตใจของพวกเราทุกคนตลอดไป…

“กราบแทบเท้าครั้งสุดท้าย ท่านอาจารย์บุญเชียร ปานเสถียรกุล – มารดาของแพทย์รังสิต”

Posted in: บทความ, รังสิต, วงการแพทย์ Tagged: คณบดี, ดร, บุญเชียร, ปานเสถียรกุล, พญ, รังสิต, สุดยอด, หมอ, อาจารย์, อาทิตย์, แพทย์

…อาจารย์บุญเชียร

September 15, 2008 by Gla 9 Comments

บุญเชียร ปานเสถียรกุล

…อาจารย์บุญเชียร

กราบเรียนท่านอาจารย์บุญเชียร ปานเสถียรกุล ครับ

ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมฆดำทะมึน ละอองน้ำโปรยลงมาจากเบื้องบน… เป็นหน้าฝนนี่ครับ อาจารย์

ผมไม่ได้พบอาจารย์มาเป็นสัปดาห์ จันทร์ที่แล้วได้พูดคุยกับอาจารย์ผ่านทางโทรศัพท์อาจารย์ยังส่งเสียงมาตามสาย ว่าให้พวกนักศึกษาขยันเรียน ตั้งใจ เพื่อการสอบให้ผ่านได้คะแนนดี และ “ไม่ต้องมาเยี่ยมเด็ดขาดนะ” อาจารย์บอกนักศึกษาคิดถึงอาจารย์มากนะครับ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน ถามหาว่า อาจารย์บุญเชียร หายไปไหน…


อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องอยากเล่าให้อาจารย์ฟังมากมายเลยครับเหมือนทุกครั้ง เวลานักศึกษาทุกคนมีปัญหา มีเรื่องเล่าต่างๆ นานา ทุกคนจะเข้าไปหาอาจารย์ จะได้ยินเสียงดังดัง จากอาจารย์เสมอครับ หลายครั้งอาจารย์ดุด่าว่ากล่าวจนหลายคนกลัว แต่ลึกๆแล้ว อาจารย์เมตตาทุกคน ช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่ สุดความสามารถ

ผมเป็นหนึ่งคนที่ชอบไปหาอาจารย์ มีคนถามผมว่า ทำไมชอบไปหาอาจารย์ มีอะไรน่าสนุกอย่างนั้นหรือ ไปคุยกับคนเฒ่าคนแก่ ผมคิดในใจ ทุกครั้งที่ไม่ว่านักศึกษาคนไหนก็ตามเข้าไปพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ อาจารย์จะเมตตาและมีความสุขที่ได้ฟังเรื่องราวนั้นๆ อาจารย์จะยิ้มแย้ม จะหัวเราะก็ล้วนเพราะเรื่องของลูกศิษย์ทั้งหลาย ผมคิดว่าผมไม่ได้คุยกับคนแก่คนเฒ่า อาจารย์บุญเชียรยังคงเป็นสาวสวยสำหรับผมและหลายๆคนอยู่เสมอครับ เพราะสิ่งที่อาจารย์ทำนั้น เป็นสิ่งที่สาวสวยผู้แข็งแกร่งเท่านั้น ที่จะทำได้…

ผมจำได้ครับ เมื่อย้อนกลับไป วันแรกที่ผมได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์ ต้นปี2550 วันนั้น เป็นวันที่ผมและเพื่อนๆ น้องๆ กว่าหลายร้อยชีวิต ไปดักพบอาจารย์ เพื่อขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการตัดเกรด โดยคาดหวังว่าอาจารย์จะเป็นที่พึ่งพิงให้พวกผม และพวกผมก็คิดไม่ผิด อาจารย์จะคอยต่อสู้เพื่อความไม่ยุติธรรมต่างๆ เสมอมาและเหนืออื่นใด เพื่อผลประโยชน์ของนักศึกษา

อาจารย์ให้ความรัก ดูแลนักศึกษา ทุกคนอย่างทั่วถึง ไม่มีรักใครชอบใครเป็นพิเศษ อาจารย์ดูแลสารทุกข์สุขดิบ คอยถามนักศึกษาว่ามีปัญหาอะไรไหม ถ้ามี อาจารย์จะวิ่งเข้าใส่ปัญหา ลุยกับมัน

อาจารย์มิใช่เพียงคณบดีของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ อาจารย์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นทั้งคนคอยยุติการทะเลาะวิวาทเวลานักศึกษาทะเลาะกัน เป็นทั้งแม่บ้าน รักษาความสะอาด เป็นคนรักษาความปลอดภัย เดินตรวจตราทุกที่ เป็นตำรวจที่คอยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นพระ สอนสั่งจริยธรรม ศีลธรรมสังคม อาจารย์เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา เป็นดั่งผู้ปกครองของทุกคนที่ไม่ว่าพวกเราจะทำตัวเลวร้ายแค่ไหน อาจารย์พร้อมจะให้อภัย และสั่งสอนเสมอ

อาจารย์มีโครงการมากมายที่ช่วยเหลือให้นักศึกษากระตือรือร้น ขวนขวายอ่านหนังสือ ตั้งใจศึกษาเพื่อสอบใบประกอบวิชาชีพ อาจารย์จะดีใจทุกครั้งที่นักศึกษาสอบได้คะแนนดี และใครที่สอบไม่ดี แม้อาจารย์เสียใจ แต่ก็ไม่เคยแสดงออก จะมีแต่คอยตักเตือน ดุด่าว่ากล่าว ผมรู้สึกเสมอว่าอาจารย์ปากร้าย แต่ใจดีมาก เวลาใครมีปัญหาด้านการเรียน อาจารย์จะเรียกมาพบ ดุด่าเสร็จ จะพูดคุยด้วยความเข้าใจ หาทางออกให้ทุกคนเสมอ

นอกจากเรื่องเรียนแล้ว ไม่ว่าเป็นเรื่องกิจกรรมใดใด อาจารย์จะช่วยหางบมาลงสนับสนุนนักศึกษาได้เสมอ สนับสนุนการสร้างสรรค์ สร้างประโยชน์ของสังคม การเล่นกีฬา ดนตรี การจัดค่าย การจัดกิจกรรมต่างๆ การสร้างผลงานสู่สายตานักศึกษาที่อื่น ฯลฯ อาจารย์บอกว่าแต่ก่อนอาจารย์เป็นนักกิจกรรม ทำกิจกรรมหลายชนิด ชอบเชียร์กีฬาอย่างสนุกสนาน กระโดดโลดเต้นไถไปกับพื้น

อาจารย์เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง ความสวยของอาจารย์เกิดจากการต่อสู้อย่างดุเดือด ต่อสู้ตลอดเวลา เพื่อนักศึกษา ใครก็ตามที่มาทำร้าย มาดูถูก มาต่อว่านักศึกษา มากลั่นแกล้ง เอาประโยชน์ อาจารย์จะเข้าไปต่อสู้ชนิดว่า ใครคนนั้นอยู่ร่วมโลกกันมิได้แล้ว มีคนเล่าให้ผมฟังว่า สมัยก่อน อาจารย์ เคยแม้กระทั่งชกต่อยกับผู้ชาย นี่คือความเป็นนักเลงของอาจารย์ ที่เวลาผ่านไปสามสิบสี่สิบปี เพื่อสิ่งที่ถูกต้องแล้ว อาจารย์ไม่เคยเปลี่ยนไป ต่อสู้เพื่อพวกเรา…

สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวง เป็น ยิ่งกว่าความพึ่งพิง ยิ่งกว่าความเมตตากรุณาที่หาที่สุดมิได้ ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่สานความสัมพันธ์ ตั้งแต่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ถึง ปี6 อาจารย์เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของนักศึกษาทั้งมวล โดยที่อาจารย์อาจไม่รู้สึกตัวอาจารย์จำได้ไหมครับ พวกรุ่นน้องแต่งเพลงให้อาจารย์ พวกเราชุมนุมให้อาจารย์ พวกเราสรรหาสารพัดวิธีแสดงความรักต่ออาจารย์ ผมคิดว่าอาจารย์ดีใจอยู่มาก อาจารย์บอกว่า สิ่งที่อาจารย์ต้องการที่สุด คือให้พวกเราสอบผ่าน เรียนจบไปเร็วๆ เพียงแค่นั้นจริงๆ

ย้อนไปปีก่อนหลายคนตกใจครับ เมื่อทราบข่าวว่าอาจารย์เป็นโรคร้ายที่ปอด และแพร่ลามไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย อาจารย์ยังยิ้มบอกว่า “ไม่เป็นไร”

อาจารย์ทำเป็นไม่ป่วยครับ ไม่ว่านักศึกษาจะจัดกิจกรรมอะไร จัดงานที่ไหน ออกต่างจังหวัด ไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว อาจารย์จะเดินทางไปให้กำลังใจพวกเราทุกที่ หรือแม้แต่รุ่นพี่พวกเราที่จบไปแล้ว อาจารย์ก็ยังยินดีช่วยเหลือ เดินทางไปหาเสมอ หลายคนถามผมว่า ข่าวที่ว่าอาจารย์เป็นโรคร้ายนั้น เป็นข่าวโคมลอยใช่หรือไม่ ผมก็หวังว่าจะให้เป็นเช่นนั้น…

อาจารย์ทำตนว่าแข็งแรง มาตลอดกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา อาจารย์ต้องแอบคนอื่น ไปหลบตามมุมเพียงเพื่อที่จะเหนื่อยหอบ ต้องทำเป็นแข็งแรงทั้งที่เดินขึ้นบันไดสองสามขั้นยังไม่ไหว ผมเคยแอบถามอาจารย์ว่า ทำไมอาจารย์ถึงยังต้องมาทำงานอยู่อีก ทำงานคณบดีที่เหน็ดเหนื่อย วุ่นวาย ทรมานร่างกายและจิตใจ ทั้งที่อาจารย์มีทุกอย่างพร้อมแล้ว มีครอบครัวที่อบอุ่น มีบริวารผู้คนรู้จักมากมาย มีเงินทองทรัพย์สินจนไม่ต้องหาเงินอีก อยู่บ้านไม่สบายกว่าหรือครับอาจารย์ อาจารย์ตอบผมว่า “เมื่อรับตำแหน่งมาแล้ว ก็ต้องทำให้ถึงที่สุด” เธอต้องรู้นะว่า ครูเหนื่อยกับพวกเธอเพียงไร “สิ่งที่ครูทำทุกวันนี้ เพื่ออนาคตอีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าของพวกเธอ”

อาจารย์บอกว่า “ขนาดลูกครู ครูยังไม่ได้ดูแลขนาดนี้เลย” หลายคนได้สัมผัสและรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ว่าอาจารย์ดูแลพวกเราเปรียบดังพวกเราเป็นบุตรหลานของท่าน

ทุกคนรักและเป็นห่วงอาจารย์มากครับ ที่ผ่านมา มีคนให้เครื่องรางของขลัง สิ่งศักดิ์สิทธิ บทสวดภาษาต่างๆแก่อาจารย์มากมาย อาจารย์เคยเล่าให้ผมฟังพลางหัวเราะ ตลก ว่าถ้าอาจารย์สวดทุกบทคงเหนื่อยตายพอดี อาจารย์บอกว่าอาจารย์ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ คนเราถ้าทำดีแล้ว อยู่ที่ไหนก็ดี ให้ความดีคุ้มภัย ไม่ต้องไปใช้เครื่องรางของขลัง

อาจารย์เหน็ดเหนื่อยทำงานหนักเพื่อพวกเราตลอดมา จนลืมใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพ ยาก็ไม่ทานตรงตามเวลา ทั้งหมดเพราะเห็นสิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตของตน นั่นคือ นักศึกษา จนแม้ตอนหลังอาจารย์รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดหลายขนาน ร่างกายทรุดโทรม เป็นไข้บ่อย อาจารย์ก็ยังเดินทางมาคอยดูแลพวกเราตลอดเวลา ยิ้มแย้มหัวเราะ ไม่พยายามแสดงออกให้ใครเห็นถึงความเจ็บป่วย

สัปดาห์ที่แล้ว อาจารย์เหนื่อยหอบบ่อยขึ้น อาจารย์พูดกับผมว่า “สงสัยครูจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้วล่ะ ครูเหนื่อยเหลือเกิน” ผมนึกว่าอาจารย์หยอกล้อพวกผมเล่นเหมือนเคย ในใจสวดมนต์อ้อนวอนระลึกให้อาจารย์ไม่เป็นไร

ผมจำได้ อาจารย์เคยบอกพวกเราเมื่อต้นปีว่า “หมอบอกว่าครูจะอยู่ได้แค่หกเดือน ตอนนี้ครูอยู่ได้เจ็ดเดือน นี่คือกำไรชีวิตแล้ว” ทุกคนปรบมือแสดงความดีใจ เหนืออื่นใด คือยินดีที่คนที่พวกเขารัก เทิดทูน คนที่ให้ความอบอุ่น อาจารย์ยังดูเหมือนว่าแข็งแรงดีอาจารย์เป็นคนไม่กลัวตาย อาจารย์พูดกับผมบ่อยมากว่า การตายเป็นเรื่องธรรมดา ไม่น่ากลัว คนอยู่นั้นน่ากลัว พวกเธอก็น่ากลัว อาจารย์หัวเราะ

สุดท้ายผมก็ไม่ได้พบอาจารย์ อาจารย์บอกผมว่าอย่ามาเยี่ยม เลยไม่ได้เยี่ยมจริงๆเลยครับ

•••

พวกเราเรียนรู้หลายสิ่งจากอาจารย์ครับ คุณธรรม จริยธรรม แห่งวิชาชีพ อาจารย์สอนให้พวกเรารู้ว่า “การให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน” นั้นเป็นเช่นไร อาจารย์เป็นตัวอย่างของแพทย์ ที่เป็นคนดีของสังคมด้วย

พระคุณของอาจารย์นั้น ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหนก็คงตอบแทนไม่หมด น้ำใจที่กว้างใหญ่ อาจารย์ได้หล่อหลอมพวกเราขึ้นมา จากเด็กไม่รู้จักคิด ให้กลายเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มีความคิดมากขึ้น พร้อมที่จะเป็นแพทย์ในอนาคต

แม้ต่อไปนี้ผมอาจไม่ค่อยได้ไปหา เพื่อพูดคุยบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของนักศึกษา ให้อาจารย์ฟัง

แต่เชื่อว่า ทุกครั้งที่นักศึกษาทุกคนระลึกถึงอาจารย์ ต่อจากนี้ไป นั่นเปรียบเสมือนการส่งต่อข้อความไปถึงอาจารย์ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ชีวิตของพวกเราทั้งผองที่อาจารย์ได้ฟูมฟักดูแล ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างในอนาคต ทำอะไรกันอยู่ เติบใหญ่ไปเป็นแพทย์กันเช่นไร

พวกผมคงต้องกราบขอขมาทุกสิ่งที่เคยรบกวนอาจารย์ ทำให้อาจารย์เหน็ดเหนื่อย ลำบาก คอยต่อสู้เพื่อพวกผมตลอดมา และต่อจากนี้ พวกเรานักศึกษา ลูกศิษย์ทุกคนจะตั้งใจฝ่าฟันอุปสรรค และจบไปเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมครับ ให้สมดังสิ่งที่อาจารย์คาดหวัง ต่อไปนี้เราจะต้องยืนหยัดต่อไปได้ด้วยตนเอง สืบสานเจตนารมณ์อาจารย์ “ความแข็งแกร่ง”ของอาจารย์

อาจารย์จะประทับอยู่ในจิตใจของพวกเราทุกคนตลอดไป…

“ท่านอาจารย์บุญเชียร ปานเสถียรกุล – มารดาของแพทย์รังสิต”

กราบแทบเท้าด้วยความเคารพรักครับอาจารย์

แต่งกลอนมาฝากด้วยครับ

มาวันนี้ ไม่มี เธอที่รักสุดจะหัก ห้ามจิต คิดโศกศัลย์

จักจดจำ คำสั่งสอน ทุกคืนวันที่สอนว่า ให้เรานั้น เป็นคนดี

ให้อดทน กล้าแกร่ง เผชิญหน้าอุปสรรค ฟันฝ่า ไม่ถอยหนี

มีคุณธรรม นำความรู้ คู่ชีวีหมั่นเพียรนี้ ช่วยเราได้ ให้มั่นคง

ใช้โอกาส ที่ท่านให้ เป็นทางผ่านสู่งานการ สำเร็จล่วง สมประสงค์

มิตรภาพ ทั้งผองไว้ ให้ดำรงความซื่อตรง ความรัก สามัคคี

แม้เธอจาก ไปแล้ว ไม่ไปลับสร้างรังสิต มีระดับ เกียรติศักดิ์ศรี

เป็นคนงาม น้ำใจ ให้เมื่อมีแพทย์ที่ดี สืบสาน เจตนารมณ์


 

ชเนษฎ์ ศรีสุโข ปีที่4 (ผู้แต่ง) และนักศึกษาแพทย์ทุกคน

15 กันยายน 2551

Posted in: กลอน, ข่าว, รังสิต, วงการแพทย์ Tagged: คณบดี, ดร, บุญเชียร, ปานเสถียรกุล, พญ, รังสิต, สุดยอด, สุดยอดคณบดี, หมอ, อาจารย์, อาทิตย์, แพทย์

โรงเรียนแพทย์เอกชน

March 12, 2008 by Gla 6 Comments

โรงเรียนแพทย์เอกชน

มีประเด็นเป็นข่าววงการศึกษา เกี่ยวกับโรงเรียนแพทย์เอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา

นศ.แพทย์ม.รังสิตร้องแพทยสภา ตรวจสอบภาคพรีคลินิก– กรุงเทพธุรกิจ

ม.รังสิตพร้อมแจงแพทยสภายังมั่นใจ5ปีเป็นม.แพทย์ชั้นนำ– เดลินิวส์

ม.รังสิตรับลูกนศ. ฟื้นคุณภาพว.แพทย์ คาด5ปีติดท็อปไฟว์ –สยามรัฐ

ร้องแพทยสภาตรวจสอบภาคพรีคลินิกม.รังสิต– คมชัดลึก

บทความนี้ มิได้มีเจตนาจะกล่าวให้ร้าย หรือโจมตีผู้ใด หากแต่ถือเป็นโอกาสอันดียิ่ง ที่จะได้ชี้แจง และอธิบาย เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ถือเป็นการประชาสัมพันธ์เพื่อชื่อเสียงอันดีงามอีกด้วย และชื่นชมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ถ้าพูดถึงโรงเรียนแพทย์แล้ว คนทั่วไปมักไม่ค่อยได้เข้ามาสัมผัสรู้ลึก คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักชื่อเพียงโรงเรียนแพทย์ใหญ่ๆ โด่งดัง เช่น ศิริราชพยาบาล รามาธิบดี จุฬาลงกรณ์ วชิรพยาบาล ฯลฯ

ResizeDSC_0027

ในความเป็นจริง ปัจจุบัน มีโรงเรียนแพทย์ในประเทศไทย รวมกัน มากถึง 16 สถาบันแล้ว และกำลังเพิ่มมากขึ้น

สำหรับแพทย์รังสิตนั้น ก่อตั้งสมัยคุณพ่อประสิทธิ์ อุไรรัตน์ ผู้เมตตากรุณา ได้มีความพยายามผลักดัน จนทบวงมหาวิทยาลัยอนุญาตให้เปิดดำเนินการสอนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ได้ในปีการศึกษา 2532

ตลอดระยะเวลาในยุคแรก มีการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความมีคุณภาพทัดเทียมแพทย์รัฐบาลจนแพทยสภาได้รับรองมาตรฐานหลักสูตรเมื่อปีพ.ศ. 2537 คุณพ่อประสิทธิ์มุ่งหวังสร้างสรรค์แพทย์เอกชน ให้เป็นแพทย์ที่ดี มีคุณภาพ โดยมิหวังผลกำไรเกินควร แพทย์รังสิตจึงค่อยๆเจริญงอกงาม ดุจต้นกล้า มีภาพลักษณ์ และชื่อเสียงอันดี

การบริหารงานของมหาวิทยาลัยรังสิต ต่อมาได้ตกอยู่ใต้การดูแลของดร.อาทิตย์ ท่านได้มีความพยายามในการระดมทุนเข้ามหาวิทยาลัยมากขึ้น โดยมีวิสัยทัศน์ขยายโอกาสทางการศึกษา เปิดคณะต่างๆเพิ่มขึ้น ทั้งมีความพยายามเพิ่มจำนวนการรับนักศึกษาคณะต่างๆ และนักศึกษาแพทย์เพิ่มขึ้นทุกปี เพิ่มค่าเรียน เพิ่มค่าลงทะเบียน

การเพิ่มขึ้นเชิงปริมาณทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่าง ปริมาณ กับคุณภาพการศึกษา และได้มีการถ่ายโอน การบริหารแพทย์รังสิต 3ชั้นปีแรก(ภาคปรีคลินิก) ให้คณะวิทยาศาสตร์ดูแล ภาคปรีคลินิกจึงขึ้นตรงกับทางผู้บริหารคณะวิทยาศาสตร์ และทางมหาวิทยาลัยรังสิต ส่วน 3ชั้นปีหลัง (ภาคคลินิก)ยังขึ้นตรงต่อคณบดีแพทย์ซึ่งปัจจุบันคือ ศ.(คลินิก)พญ.บุญเชียร ปานเสถียรกุล และคณาจารย์แพทย์ ผู้ซึ่งเป็นที่รัก คอยดูแลนักศึกษาแพทย์เป็นอย่างดีตลอดมา

แม้ว่าภาพลักษณ์และการประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยรังสิต อยู่ในขั้นเยี่ยมยอด

แต่สำหรับแพทย์เองนั้น มีปัญหาเกิดขึ้นอยู่บ้าง เป็นปัญหาภายใน 3ชั้นปีแรก(ภาคปรีคลินิก) ซึ่งรับผิดชอบดูแลโดยคณะวิทยาศาสตร์ และทางมหาวิทยาลัยรังสิต นักศึกษาแพทย์จำนวนมากรู้สึก ถึงความไม่ชอบธรรม ความขาดแคลน และขาดความเอาใจใส่ดูแลนักศึกษาแพทย์ จากผู้บริหารคณะวิทยาศาสตร์และรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ รวมถึงจากผลการสอบใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา ขั้นที่1 (สอบหลังจบปรีคลินิก) ที่แพทย์รังสิตได้น้อย และต่ำสุดมาหลายปี ในขณะที่ขั้นที่2, 3 (สอบหลังเรียนภาคคลินิก) สอบได้คะแนนสูงติดอันดับประเทศ เป็นข้อสรุปว่า คณะวิทยาศาสตร์ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง ทางด้านคุณภาพการเรียนการสอน ทั้งหลักสูตร และทรัพยากร อุปกรณ์ อาคาร บุคลากร ฯลฯ ที่ยังไม่เพียงพอและไม่ดีเท่าที่ควรตามเกณฑ์ขั้นต่ำแพทยสภา

รวมถึงในส่วนนักศึกษาแพทย์เองก็ยังมีหลายคนที่ไม่ตั้งใจ และไม่ขยันเรียนเท่าที่ควร

ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน นักศึกษาแพทย์และแกนนำ มีการร้องเรียนอยู่ภายในมาโดยตลอด เป็นการเมืองภาคนักศึกษาแพทย์ มีหนังสือร้องเรียนจำนวนหลายฉบับ ชุมนุมเรียกร้องกันหลายครั้ง จนถึง เมื่อวันที่ 3สิงหาคม 2550 มีการชุมนุมใหญ่กว่า300คน (ดังภาพ) การพบปะผู้บริหารหลายระดับ

การร้องเรียนถึงปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องหลักสูตร ทรัพยากร อุปกรณ์การสอน ฯลฯ กันมาอย่างต่อเนื่อง เพียงเพื่อต้องการสิทธิประโยชน์ขั้นต่ำที่พวกเขาควรจะได้รับ และเพื่อคุณภาพที่แท้จริง เหตุการณ์ดำเนินเรื่อยมาจนถึงกรณีนักศึกษาแพทย์ยื่นหนังสือร้องเรียนแพทยสภา แม้ว่าในท้ายสุด ท่านรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ได้ขอระงับนักศึกษาแพทย์ให้ถอนหนังสือดังกล่าวก็ตาม

เรื่องราวทั้งหมดนี้ นับจารึกไว้เป็นบันทึกประวัติศาสตร์แพทย์รังสิต แม้ว่าจะคล้ายกับมีการต่อสู้ ถกเถียง ทะเลาะกันบ้างระหว่างนักศึกษาแพทย์ กับทางผู้ใหญ่ ผู้บริหารระดับต่างๆ มีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ทั้งหมดก็เพื่อหาทางออกร่วมกันในการพัฒนาคุณภาพและสร้างสรรค์สิ่งดี ผลิตแพทย์คุณภาพสร้างสรรค์สังคม และประเทศชาติต่อไปในอนาคต

คาดหวังว่า ท่านอธิการบดีผู้เมตตากรุณา และผู้บริหารคณะวิทยาศาสตร์ เริ่มได้ให้ความใส่ใจกับนักศึกษาแพทย์มากขึ้น และเริ่มสนับสนุน ส่งเสริม วิทยาลัยแพทยศาสตร์ เพื่อที่มีมาตรฐานภาคปรีคลินิกก้าวทัดเทียมแพทย์รัฐบาลในระยะเวลาที่เหมาะสม และเพื่อชื่อเสียงของวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ที่สมัยคุณพ่อประสิทธิ์ ได้สร้างสรรค์ ด้วยความเมตตากรุณาแก่พวกเราเสมอมา รวมถึงเพื่อชื่อเสียงและคุณภาพ ของคณะวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัยรังสิตเองทั้งสิ้น

จะเป็นไปดั่งความมั่นใจของทางมหาวิทยาลัยที่ได้ยืนยันกับหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ดังพาดหัวข่าวว่า

“ม.รังสิตรับลูกนศ. ฟื้นคุณภาพว.แพทย์ คาด5ปีติดท็อปไฟว์”

RetouchDSC_0063

ResizeDSC_0072

RetouchDSC_0033RetouchDSC_0050

Posted in: ข่าว, บทความ, ยอดนิยม, รังสิต, วงการแพทย์ Tagged: การชุมนุม, ข่าวดัง, จดหมายร้องเรียน, นักศึกษาแพทย์, ประท้วง, ประวัติ, ประวัติศาสตร์, ปัญหาคุณภาพ, มหาวิทยาลัยรังสิต, ร้องเรียน, รังสิต, รุ่นพี่, อาทิตย์, แพทยศาสตร์, แพทยสภา, แพทย์, แพทย์รังสิต

Search everything ค้นหา

Archives บทความ

Categories ประเภท

Recent Posts ประกาศล่าสุด

  • Be Original: Chanesd Srisukho (Health and Beauty Center by Doctor Gla)
  • ร่วมรำลึกถึงคุณย่าอัมพร ตันเจริญ
  • รายการหมอกล้าเล่า ถึงไหนแล้ว
  • หมอกล้าเล่า ตอนที่ 4 ความอ้วน, รายการหมอกล้า, ชเนษฎ์ ศรีสุโข
  • หมอกล้าเล่า ตอนแรก, TheOrigin, ชเนษฎ์ ศรีสุโข, หมอกล้าเล่า

Pages หน้า

  • About (Eng)
  • Introduction to Bloggla.com
  • Multimedia
  • ชเนษฎ์ ศรีสุโข เว็บไซต์ส่วนตัว หมอ ต้นกล้า Chanesd Srisukho
  • รู้จักคุณหมอชเนษฎ์
    • Education & Work
    • การศึกษาและงาน
    • เกียรติประวัติและกิจกรรม

เลือกอ่านบทความตามคำค้นหา

cpird MWIT กระทรวง กลอน กล้า การชุมนุม การเมือง กีดกัน จับฉลาก จิตวิทยา จิตเวช ชุมนุม ชเนษฎ์ ชเนษฎ์ ศรีสุโข ทักษิณ ธรรม นักการเมือง นักศึกษาแพทย์ บทความ บุญเชียร ประท้วง ประวัติ ประวัติศาสตร์ ปัญหา ปานเสถียรกุล พญ มหาวิทยาลัยรังสิต มหิดลวิทยานุสรณ์ รังสิต รุ่นพี่ วงการแพทย์ ศรีสุโข สาธารณสุข หมอ หมอกล้าเล่า อาจารย์ อาทิตย์ เพิ่มพูนทักษะ เรียนต่อ แพทยสภา แพทย์ แพทย์ชนบท แพทย์พี่เลี้ยง แพทย์รังสิต โรคจิต

Copyright © 2015 (A) Blog (of) Gla : Chanesd Srisukho.